การวิเคราะห์ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ด้วยวิธีการสังเกตและรับรู้ทางการมอง
(Product and Package Visual Analysis)
โดย นาย นนท์ โพธาพันธ์
27 มกราคม 2558
ก่อนการดำเนินงานออกแบบผลิตภัณฑ์และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้แก่สินค้ายี่ห้อ หรือ ผู้ผลิตราย ใดๆนั้น ผู้ออกแบบหรือนักพัฒนาควรต้องมีการวางแผนการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นอย่าง เป็นระบบ ซึ่งโดย ทั่วไปในทางปฏิบัติการทางวิชาชีพของนักออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้น อาจจะเป็น การวางแผนและใช้สื่อบันทึก การดำเนินงานเอาไว้อย่างคร่าวๆ ซึ่งอาจเป็นการเขียนแผนผังทาง ความคิด (Mind Mapping) เป็นแผ่นโน๊ตย่อๆ (Note Pad) แสดงหัวข้อไว้บนแผ่นกระดาน (Mood Board) เขียนหรือพิมพ์ไว้ในแผน ปฏิบัติการ ผ่านทางสมุด(Diary)หรือปฏิทินงาน(Calendar) ตามระยะเวลา (Design Plan or Timeline Operation Schedules) หากจัดทำเป็นรายงานสรุปในเชิงวิชาการก็ควรจัดทำให้สมบูรณ์เป็นลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน สามารถที่จะตรวจสอบ ติดตาม และสรุปผลออกมาได้จริง เช่น การที่ควรต้องเริ่มต้น ด้วยการวางกรอบแนวคิด หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า การสร้างกรอบการดำเนินงาน (Frame Work or Over View) เอาไว้ เพื่อเป็นการกำหนดทิศทางภาพกว้างๆ ที่สามารถสื่อให้เห็นแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ
ภาพแสดงการวางแผนกรอบแนวคิดของการดำเนินงานอย่างย่อโดยใช้ หลักการ 3 ส. เพียง 3 ขั้น
ตอนเพื่อให้เห็นภาพรวมหรือเป็นจุดเริ่มต้น
ของการที่จะดำเนินการคิดวางแผนงาน ในภาระกิจต่างๆ ที่จะ
เกี่ยวข้องกับการอ้างอิงถึงการศึกษาข้อมูล ความรู้ ทฤษฎี หลักการ วิธีการ
และแผนปฏิบัติการในเชิงลึก เฉพาะทางในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในลำดับต่อไป
ตอนเพื่อให้เห็นภาพรวมหรือเป็นจุดเริ่มต้น
ของการที่จะดำเนินการคิดวางแผนงาน ในภาระกิจต่างๆ ที่จะ
เกี่ยวข้องกับการอ้างอิงถึงการศึกษาข้อมูล ความรู้ ทฤษฎี หลักการ วิธีการ
และแผนปฏิบัติการในเชิงลึก เฉพาะทางในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในลำดับต่อไป
การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการสังเกตและรับรู้ทางการมองเห็นนั้น
เป็นวิธีการศึกษา วิเคราะห์- วิจัยข้อมูลเบื้องต้น
ที่นักวิจัยด้านการออกแบบสร้างสรรค์ แทบทุกสาขาอาชีพ ในขอบ ข่ายสายงาน
ด้านการวิธีการที่จะตรวจสอบในสิ่งที่ต้องการหาคำตอบให้ได้นั้น นักออกแบบก็ควรต้องอาศัยองค์ความรู้ ต่างๆที่ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์มา เพื่อที่จะประมวลสรุปผลออกมาให้ได้อย่างมี หลักการและเหตุผล ให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้เพราะนักออกแบบมีวิถีและวิธีการทำงานที่แตกต่างไปจากแนวทางการทำงานของศิลปินในขอบข่ายทางศิลปะบริสุทธิ์ (Pure Art) นั่น ก็คือการศึกษาวิจัย และค้นหาแนวทาง ที่เป็นไปได้จริง(Feasibility Study) หรือยึดกฏแห่งการใช้งานจริงภายในตัวผลงาน (Physical Fact and Workability or Functionality Study) ให้ได้ก่อนการยึดมั่นในหลักการทางความสวยความงามที่ปรากฏเห็นเป็นรูปลักษณ์ภายนอกอันเป็นประเด็นรองตามหลักการของการสร้างสรรค์ผลงานประเภทประยุกต์ศิลป์(Applied Arts) ดังนั้นใกระบวนการทำงานของนักออกแบบ จึงควรต้องแสดงหลักฐานหรือต้องมีสื่อแสดงให้เห็นซึ่ง วิธีการคิดวิเคราะห์ วิธีการแก้ปัญหา การใช้องค์ความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงทักษะการใช้เครืองมือและอุปกรณ์ช่วยการผลิต และเพื่อการนำเสนอผลงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการทำงานนั้นก็ต้องใช้เพื่อสื่อสารให้ผู้ร่วมงาน
อื่นๆ (Co-Producer) ได้ร่วมคิดร่วมสร้างความเข้าใจในเบื้องต้น รวมถึงการสื่อสารไปให้ถึงผู้ใช้งานปลายทาง(End Users) ทั้งหลายนั้น นักออกแบบก็ต้องคิดวางแผน และคำนึงถึงเป็นการล่วงหน้าเอาไว้ด้วยเช่นกัน
เป็นวิธีการศึกษา วิเคราะห์- วิจัยข้อมูลเบื้องต้น
ที่นักวิจัยด้านการออกแบบสร้างสรรค์ แทบทุกสาขาอาชีพ ในขอบ ข่ายสายงาน
ด้านการวิธีการที่จะตรวจสอบในสิ่งที่ต้องการหาคำตอบให้ได้นั้น นักออกแบบก็ควรต้องอาศัยองค์ความรู้ ต่างๆที่ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์มา เพื่อที่จะประมวลสรุปผลออกมาให้ได้อย่างมี หลักการและเหตุผล ให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้เพราะนักออกแบบมีวิถีและวิธีการทำงานที่แตกต่างไปจากแนวทางการทำงานของศิลปินในขอบข่ายทางศิลปะบริสุทธิ์ (Pure Art) นั่น ก็คือการศึกษาวิจัย และค้นหาแนวทาง ที่เป็นไปได้จริง(Feasibility Study) หรือยึดกฏแห่งการใช้งานจริงภายในตัวผลงาน (Physical Fact and Workability or Functionality Study) ให้ได้ก่อนการยึดมั่นในหลักการทางความสวยความงามที่ปรากฏเห็นเป็นรูปลักษณ์ภายนอกอันเป็นประเด็นรองตามหลักการของการสร้างสรรค์ผลงานประเภทประยุกต์ศิลป์(Applied Arts) ดังนั้นใกระบวนการทำงานของนักออกแบบ จึงควรต้องแสดงหลักฐานหรือต้องมีสื่อแสดงให้เห็นซึ่ง วิธีการคิดวิเคราะห์ วิธีการแก้ปัญหา การใช้องค์ความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงทักษะการใช้เครืองมือและอุปกรณ์ช่วยการผลิต และเพื่อการนำเสนอผลงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการทำงานนั้นก็ต้องใช้เพื่อสื่อสารให้ผู้ร่วมงาน
อื่นๆ (Co-Producer) ได้ร่วมคิดร่วมสร้างความเข้าใจในเบื้องต้น รวมถึงการสื่อสารไปให้ถึงผู้ใช้งานปลายทาง(End Users) ทั้งหลายนั้น นักออกแบบก็ต้องคิดวางแผน และคำนึงถึงเป็นการล่วงหน้าเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ภาพที่ 2 ส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์สินค้าที่มองเห็นแชมพูสมุนไพรจากใบชะคราม
หมายเลข 1 ชื่อผลิตภัณฑ์
หมายเลข 2 สรรพคุณ
หมายเลข 3 ปริมาณ
หมายเลข 4 สติ๊อเกอร์
การศึกษาสินค้าคู่แข่งสินค้าของผู้ประกอบการ
แหล่งที่มา
http://www.rpherb.com/14442357/%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9-%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2